บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สุดปัง‼หนุนร้านโชห่วยฟื้น
น.ส.สมวลี ลิมป์รัชตามร กรรมการผู้จัดการ บริษัท นีลเส็น (ประเทศไทย) ระบุกรณีภาครัฐมอบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและโอนเงินเข้าในบัตรดังกล่าว 200-300 บาท/เดือน เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยนำเงินไปซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค และใช้จ่ายเกี่ยวกับการเดินทาง
.
ปี 61 ที่ผ่านมา พบว่าภาพรวมสินค้าอุปโภคบริโภคในช่วงปลายปี เริ่มปรับตัวดีขึ้น เห็นได้จากการขยายตัวของสินค้าอุปโภคบริโภคในช่วงไตรมาส 4 ที่เติบโต ร้อยละ 3.6 สูงกว่าไตรมาส 3 ที่ติดลบร้อยละ 1 ไตรมาส 2 ที่ติดลบร้อยละ 0.7 และไตรมาสแรกปีก่อนติดลบ ร้อยละ 2.6
.
จากแนวโน้มที่ดีดังกล่าวทำให้คาดการณ์ว่าภาพรวมสินค้าอุปโภคบริโภคในสิ้นปี 2562 จะกลับมาเติบโตเป็นบวกอีกครั้ง ด้วยอัตราการเติบโตที่ประมาณร้อยละ 3-4
.
แม้ว่าปี 2562 ตลาดรวมสินค้าอุปโภคบริโภคจะกลับมาเติบโตได้ที่ 3-4% จากมูลค่ารวมประมาณ 8 แสนล้านบาท แต่อัตราการเติบโตดังกล่าวถือว่ายังต่ำกว่าเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งตลาดรวมสินค้าอุปโภคบริโภคมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีสูงถึง 6-8%
.
กลุ่มสินค้าที่มีการขยายตัวมากสุดปี 2561 คือ
.
1.สินค้าประเภทตัดสินใจซื้อจากแรงกระตุ้น (Impulse) เติบโตสูงถึง 5.2% ตามด้วยสินค้าใน ครัวเรือน (Household) เติบโต 3.5%
.
2.กลุ่มสินค้าส่วนบุคคล (Personal Care) เติบโตที่ 3.1%
.
การที่ผู้มีรายได้น้อยมีเงินมาจับจ่ายใช้สอยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ร้านโชห่วยมียอดขายเพิ่มขึ้น โดยในช่วงไตรมาส 4 ปี 2561 ที่ผ่านมาเติบโตเฉลี่ยประมาณ 3.5%
.
แม้ว่าผู้ประกอบการสินค้าอุปโภคบริโภคจะได้รับผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังจากปีที่ผ่านมาภาพรวมการส่งออกของไทยมีการขยายตัวสูงถึง 7.2% การท่องเที่ยวขยายตัว 9% และการลงทุนของภาครัฐมีการขยายตัว 5% จากการลงทุนไฮสปีดเทรน การลงทุนในสนามบินอู่ตะเภา และการลงทุนในท่าเรือแหลมฉบัง
.
การที่ภาครัฐมีการประกาศปรับโครงสร้างการจัดเก็บภาษีความหวาน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ใหม่ อาจทำให้มีผลต่อต้นทุนการผลิตสินค้า และส่งผลให้ผู้ผลิตอาจปรับราคาสินค้าตามต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งหากมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น อาจทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคอีกครั้ง
.
ภาพรวมการทำตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในปัจจุบัน นอกจากจะจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางหน้าร้านหรือออฟไลน์แล้ว ออนไลน์ก็ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ผู้บริโภคเริ่มให้ความสนใจ เนื่องจากปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด คือ ชอบความสะดวกสบายในการซื้อสินค้ามากขึ้น ซึ่งจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทำให้มีการคาดการณ์กันว่าภายในปี 2565 ภาพรวมยอดขายสินค้าอุปโภคบริโภคในช่องทางออนไลน์ทั่วโลกจะเติบโตสูงถึง 4 เท่าตัว
.
สินค้าที่คนไทยให้ความสนใจใช้บริการผ่านช่องทางออนไลน์มากที่สุด คือ การทำธุรกรรมทางการเงิน และการซื้อสินค้าแฟชั่น
บริษัท นีลเส็น (ประเทศไทย) เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านให้บริการ สำรวจวิจัยทางธุรกิจ สังคมและเศรษฐกิจ ดำเนินการในเอเชีย ยุโรป ออสเตรเลีย อเมริกาและกว่า 90 ประเทศ ทั่วโลก
.
ในเมืองไทยได้ดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ปี พ.ศ 2513 โดยผลงานการสำรวจของบริษัทฯ เป็นสิ่งที่บริษัทผู้ผลิต และผู้จำหน่ายใช้เป็นข้อมูลสำคัญในการตัดสินใจ เพื่อ
พัฒนาผลิตภัณฑ์หรือให้บริการที่ดียิ่งขึ้น
(https://www.nielsen.com/th/th.html)
|