เรื่อง โครงการชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแนวทางปรับปรุงเงื่อนไขโครงการชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี จากเดิมรัฐบาลจ่ายค่าเก็บรักษาข้าวในยุ้งฉางในส่วนของเกษตรกรที่เป็นสมาชิกของสหกรณ์การเกษตร โดยสหกรณ์ได้รับเงินค่าเก็บรักษา 1,000 บาท/ตัน ขณะที่เกษตรกรได้รับเงินค่าเก็บรักษา 500 บาท/ตัน เปลี่ยนเป็นจ่ายค่ารักษาข้าวสำหรับสหกรณ์ 500 บาท/ตัน และเกษตรกรได้รับเงิน 1,000 บาท/ตัน เพื่อเป็นแรงจูงใจมากขึ้น และกำหนดให้เกษตรกร สถาบันเกษตรกร ต้องจัดเก็บข้าวในยุ้งฉางของตนเองเท่านั้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการดูแลข้าวที่ร่วมโครงการ และการจัดเก็บข้าวต้องบรรจุกระสอบ บรรจุถุง หรือยกพื้นเพื่อระบายอากาศป้องกันข้าวเสื่อม
ทั้งนี้ รัฐบาลจะเปิดให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการทำสัญญา ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562 ส่วนภาคใต้ถึงเดือนกรกฎาคม 2562 ระยะเวลาชำระคืนภายใน 5 เดือน
น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เผยว่า จะนำคณะผู้แทนการค้าไทยเดินทางเยือนออสเตรเลีย เพื่อประชาสัมพันธ์ข้าวไทย “Healthy Rice Campaign” ร่วมกับร้านอาหาร ภัตตาคารไทย ใน 3 เมืองหลัก ได้แก่ นครซิดนีย์ บริสเบน และเพิร์ท เน้นสื่อสารข้าวคุณภาพดีของไทย เช่น ข้าวไรซ์เบอร์รี่ และข้าว กข 43 ข้าวชั้นดีที่รัฐบาลไทยกำลังโปรโมตในขณะนี้ และมั่นใจว่าการจัดกิจกรรมในออสเตรเลียจะสามารถขยายตลาดข้าวไรซ์เบอร์รี่ และ กข 43 เพราะตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคที่มีฐานะดี และกลุ่มที่ใส่ใจสุขภาพ อย่างไรก็ดี การส่งออกข้าวไทยไปตลาดออสเตรเลีย เฉลี่ยปีละเกือบ 8 หมื่นตัน โดยไทยเป็นแหล่งนำเข้าอันดับ 1 ในออสเตรเลีย คิดเป็น 44 เปอร์เซ็นต์ รองลงมา ได้แก่ ประเทศอินเดีย 27 เปอร์เซ็นต์ และประเทศปากีสถาน 10 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ โดยข้าวที่ส่งออกส่วนใหญ่ ได้แก่ ข้าวหอมมะลิไทย ข้าวขาว และข้าวเหนียว.
โดย พรรณี ตั้งใจสถาปัตย์
เรียบเรียงโดย สมจิตร ตาลสุก
|